เมนูจากดอกไม้ไทย
ดอกไม้ไทย นอกจากจะสวยงามแล้วดอกไม้บางชนิดยังสามารถรับประทานได้อีกนะครับ ทำเป็นอาหารได้ทั้งอาหารคาว หวาน แถมดอกไม้บางชนิดยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ดอกไม้บางชนิดยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายอย่าง บางชนิดรับประทานแทนผักจิ้มกับน้ำพริกต่างๆ ดังมีรายการอาหารจากดอกไม้มีอะไรบ้าง ลองมาเลือกดูเลือกรับประทานกันดีกว่าครับ
ดอกขจร
ดอกขจร หรือบางท้องที่เรียกดอกสลิด ดอกขจร เป็นไม้เลื้อยเถาเล็กแตกยอดจำนวนมาก ทุกส่วนของลำต้นมีน้ำยางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นใบคู่เป็นรูปหัวใจ กว้างและยาว 6–10 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเรียบ มีช่อดอกสีเหลืองอมชมพูอ่อนออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันส่วนปลายแยก 5 แฉกกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานไม่พร้อมกันดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเริ่มหอมตั้งแต่ช่วงบ่าย ดอกออกมากตั้งแต่ต้นฤดูหนาว นำดอกขจรมาเป็นผัก ทำอาหารรับประทานได้
ขจรเป็นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินทุกสภาพ แต่ถ้าจะให้ดีควรปลูกในดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยมากๆ ขจรเป็นไม้ที่ชอบแดดจัดไม่ต้องการน้ำมากนัก และทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้ดี ดังนั้นการรดน้ำให้รด 2 วันต่อครั้ง การขยายพันธุ์ขจรสามารถทำได้โดยการปักชำกิ่ง หรือทาบกิ่ง สรรพคุณทางยาใช้รากผสมยาหยอดรักษาตา รับประทานทำให้อาเจียนถอนพิษเบื่อเมา ทำให้รู้รสอาหาร ดับพิษ
รายการอาหาร แกงส้มดอกขจร ยำดอกขจร แกงจืดดอกขจร ไข่ตุ๋นดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร
ขจรเป็นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินทุกสภาพ แต่ถ้าจะให้ดีควรปลูกในดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยมากๆ ขจรเป็นไม้ที่ชอบแดดจัดไม่ต้องการน้ำมากนัก และทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้ดี ดังนั้นการรดน้ำให้รด 2 วันต่อครั้ง การขยายพันธุ์ขจรสามารถทำได้โดยการปักชำกิ่ง หรือทาบกิ่ง สรรพคุณทางยาใช้รากผสมยาหยอดรักษาตา รับประทานทำให้อาเจียนถอนพิษเบื่อเมา ทำให้รู้รสอาหาร ดับพิษ
รายการอาหาร แกงส้มดอกขจร ยำดอกขจร แกงจืดดอกขจร ไข่ตุ๋นดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร
ไข่ตุ๋นดอกขจร เครื่องปรุง - ไข่ไก่ 3 ฟอง
- ดอกขจร 50 กรัม - น้ำซุป 1 ถ้วยตวง - เนื้อปูนึ่งสุก 100 กรัม - เนื้อหมูสับ 100 กรัม - ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ - ผงปรุงรสไก่ 1 ช้อนชา - กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ - พริกชี้ฟ้าหันเป็นเส้นสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ผสมไข่ไก่ เนื้อปู เนื้อหมู ดอกขจร เครื่องปรุงรสทั้งหมด และน้ำซุป เข้าด้วยกันใส่ภาชนะทนร้อน นำไปนึ่งในรังถึง เมื่อสุกแล้วยกลงโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และพริกชี้ฟ้า จัดเสิร์ฟขณะร้อนๆ |
ข้าวต้มดอกขจร เครื่องปรุง - ข้าวสวยกล้องหอมมะลิ ½ ถ้วย
- ดอกขจร ½ ถ้วย - กระดูกสันหลังหมูติดเนื้อ 200 กรัม วิธีทำ ต้มกระดูกสันหลังในน้ำจนเปื่อย แกะเนื้อออกไว้ต่างหาก เอาน้ำต้มกระดูกหมูต้มให้เดือด ใส่ข้าวต้มจนข้าวสุก แล้วใส่ดอกขจร ต้มจนดอกขจรเปื่อย ใส่เนื้อหมู ปรุงรสด้วยเกลือจะดีกว่าใช้น้ำปลาเพราะจะทำให้คาว |
แกงจืดดอกขจร เครื่องปรุง - หมูเนื้อแดงสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
- กุ้งชีแฮปอกเปลือกผ่าหลัง 10 ตัว - ดอกขจร 2 ถ้วยตวง - รากผักชี 1 ราก - กระเทียบสับ 1 ช้อนโต๊ะ - พริกไทยป่น ½ ช้อนชา - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำซุป 2 ถ้วยตวง - น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งน้ำซุปให้เดือด ใส่หมูสับคนให้กระจายใส่น้ำปลา ใส่กุ้งพอน้ำซุปเดือด ใส่ดอกขจร ปิดฝา ยกลง เจียวกระเทียมให้เหลือง โรยหน้า โรยพริกไทย |
แกงส้มดอกขจร เครื่องปรุง - ดอกขจร 2 ถ้วยตวง
- ปลาช่อน (ขนาด ½ ก.ก.) 1 ตัว หรือ กุ้ง - น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง - น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ เครื่องน้ำพริกแกงส้ม - พริกแห้ง 5 เม็ด - กะปิ 1 ช้อนชา - หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำเครื่องแกงโขลกให้ละเอียด ปลาช่อนส่วนหางต้มสุกตักขึ้นและเอาแต่เนื้อ นำเนื้อปลามาโขลกรวมกับน้ำพริกแกงส้มให้ละเอียด นำมาละลายกับน้ำต้มปลา ใช้เป็นน้ำแกง ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลา ใส่น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดใส่ดอกขจร เด็ดเป็นดอกๆ พอเดือดยกลงรับประทานได้ |
ยำดอกขจร เครื่องปรุง - ดอกขจร 4 ถ้วยตวง - เนื้อหมูต้มหั่น ½ ถ้วยตวง - หนังหมูหั่นละเอียด ½ ถ้วยตวง - กุ้งต้มฉีกเป็นชิ้นๆ ½ ถ้วยตวง - กะทิข้น 2 ถ้วยตวง - กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ปลาช่อนส่วนหางต้มสุกตักขึ้นและเอาแต่เนื้อ นำเนื้อปลามาโขลกรวมกับน้ำพริกแกงส้มให้ละเอียด นำมาละลายกับน้ำต้มปลา ใช้เป็นน้ำแกง ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลา ใส่น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดใส่ดอกขจร เด็ดเป็นดอกๆ พอเดือดยกลงรับประทานได้ |
ดอกแค
แคแกง แคขาว เป็นต้นไม้พื้นบ้าน เป็นต้นไม้เนื้ออ่อน ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ทั้งดินเหนียวและดินปนทราย นิยมปลูกเป็นรั้วบ้าน คันนา ริมถนน และในบริเวณบ้าน หรือปลูกไว้เพื่อปรับพื้นที่ให้มีปุ๋ย เพราะใบแคที่ผุแล้ว ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ส่วนที่นำมารับประทานได้ มียอดอ่อน ดอกอ่อน ใบอ่อน และฝักอ่อน ออกในช่วงฤดูฝน ส่วนดอกอ่อนจะออกในช่วงฤดูหนาว ดอกแค 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงานต่อร่างกาย 10 กิโลแคลอรี มีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบีหนึ่ง วิตามินบีสอง และวิตามินซี การรับประทานดอกแคจะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหาร ดอกแค เมื่อแก่จนกลีบร่วง ก็จะมีฝักอ่อน นำมาทำอาหารได้ เมื่อแก่จะแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ด เจริญเติบโตง่าย มีอายุไม่นาน ก็ยืนต้นตาย แพร่พันธุ์ด้วยฝักที่มีเมล็ดแก่จัด การนำดอกแคมาทำอาหารต้องเด็ดเกสรสีเหลืองของดอกแคออกก่อนจะทำให้ไม่มีรสขม เปลือกนำมาต้ม คั้นน้ำแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด คุมธาตุ เมนูที่นิยม แกงส้มดอกแคปลาดุก ดอกแคสอดไส้ แกงเหลืองปลากะพงดอกแค ดอกแคชุบแป้งทอด
แกงส้มดอกแคปลาดุก เครื่องปรุง - ปลาดุก 1 ตัว
- ดอกแค 20 ดอก - น้ำ 2 ถ้วยตวง - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำส้มมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ เครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้ม - พริกแห้ง 7 เม็ด - หัวหอม 4 หัว - กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ - เกลือป่น ½ ช้อนชา วิธีทำ นำเครื่องน้ำพริกโขลกจนละเอียด นำปลาดุกมาตัดหัว ผ่าท้อง ควักไส้ทิ้ง หั่นเป็นแว่นๆ ล้างสะอาดผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ละลายน้ำพริกแกงส้มกับน้ำ ต้มให้เดือดปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขามเปียก ใส่ปลาดุก ใส่ดอกแค พอดอกแคกับปลาดุกสุกยกขึ้นจากเตา (ถ้าไม่ใช้ปลาดุก ใช้ปลาช่อนหรือกุ้งแทน) |
ดอกแคสอดไส้ เครื่องปรุง - ดอกแค 25 ดอก
- เนื้อหมูบด 1 ถ้วยตวง - กุ้งสดปอกเปลือกสับ ½ ถ้วยตวง - รากผักชีสับ 1 ช้อนชา - พริกไทยป่น 1 ช้อนชา - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมันพืชสำหรับทอด 1 ถ้วยตวง - แป้งสาลีหรือแป้งสำเร็จรูป 1 ซอง วิธีทำ ล้างดอกแคเด็ดเกสรสีเหลืองออก ผสมหมูบด กุ้งสับ กับรากผักชี พริกไทย ใส่น้ำปลา ผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่ดอกแคให้เต็ม ชุบแป้งทอดจนสุกเหลืองกรอบ จิ้มซอสพริก หรือน้ำบ๊วยเจี่ย |
แกงเหลืองปลากะพงดอกแค เครื่องปรุง - ปลากะพง ½ ก.ก. - ดอกแค 25 ดอก - น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง - น้ำ 3 ถ้วยตวง เครื่องปรุงน้ำพริก - พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด - พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด - หอมหัวแดงหั่น 2 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมหั่น 2 ช้อนโต๊ะ - ขมิ้นสดหั่น 1 ช้อนโต๊ะ - เกลือป่น 1 ช้อนชา - กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ โขลกเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด ขอดเกล็ดปลากะพง ขูดหนังให้หมดเมือก หั่นเป็นชิ้น ละลายเครื่องน้ำพริกใส่หม้อ ใส่ดอกแค น้ำส้มมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล พอน้ำแกงเดือดใส่ปลา พอปลาสุกชิมรส เปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย ยกลงได้ |
ดอกแคชุบแป้งทอด เครื่องปรุง - ดอกแคเด็ดเกสรออก 25 ดอก
- เนื้อหมูสับ ½ ถ้วยตวง
- กุ้งนาง ½ ถ้วยตวง
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งโกกิ 1 ถ้วยตวง
- น้ำ ½ ถ้วยตวง
- ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ นำกุ้งที่ปอกเปลือกสับละเอียด หมูสับ คลุกกับกระเทียมสับ พริกไทยป่น ใส่ซีอิ้วขาว แป้งข้าวจ้าว น้ำมันหอย นวดให้เข้ากันเป็นไส้ใส่ในดอกแค นำไปนึ่งพอสุก ผสมแป้งโกกิกับน้ำคนให้ข้น นำน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อน นำดอกแคที่นึ่งสุกมาชุบแป้งลงทอดพอเหลืองตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน ปรุงน้ำปรุงรสโดย นำซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู ซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายพอเดือด ชิมรสจะมีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ตักขึ้นใส่ถ้วย เวลารับประทาน ตักน้ำปรุงรสราดบนดอกแค
- เนื้อหมูสับ ½ ถ้วยตวง
- กุ้งนาง ½ ถ้วยตวง
- กระเทียม 5 กลีบ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
- แป้งข้าวจ้าว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งโกกิ 1 ถ้วยตวง
- น้ำ ½ ถ้วยตวง
- ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทอด 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ นำกุ้งที่ปอกเปลือกสับละเอียด หมูสับ คลุกกับกระเทียมสับ พริกไทยป่น ใส่ซีอิ้วขาว แป้งข้าวจ้าว น้ำมันหอย นวดให้เข้ากันเป็นไส้ใส่ในดอกแค นำไปนึ่งพอสุก ผสมแป้งโกกิกับน้ำคนให้ข้น นำน้ำมันใส่กระทะ ตั้งไฟพอร้อน นำดอกแคที่นึ่งสุกมาชุบแป้งลงทอดพอเหลืองตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน ปรุงน้ำปรุงรสโดย นำซอสมะเขือเทศ น้ำส้มสายชู ซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายพอเดือด ชิมรสจะมีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ตักขึ้นใส่ถ้วย เวลารับประทาน ตักน้ำปรุงรสราดบนดอกแค
ดอกโสน
ดอกสโสน ภาคเหนือเรียก ผักฮองแฮง เป็นไม้ล้มลุก เป็นพุ่มขนาดกลาง ลำต้นสูงเปราะบางเพราะไม่มีแก่น สูงประมาณ 2–3 เมตร มีกิ่งก้านห่างๆ ใบเล็กฝอยคล้ายกับใบมะขามหรือใบกระถิน ดอกสีเหลืองคล้ายดอกแค แต่ดอกเล็กกว่า มีฝักยาว มีเมล็ดในฝักคล้ายกับถั่วเขียวแต่ฝักยาวกว่า ดอกโสนสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น นำมาชุบแป้งทอดกรอบ รับประทานกับขนมจีนน้ำพริก ดอกโสนมีรสหวานชวนรับประทานมาก การปลูก ต้นโสนขึ้นเองอยู่โดยทั่วไป โดยเฉพาะตามริมคูน้ำ ริมคลอง ในที่ชื้นแฉะ เป็นพืชขึ้นง่าย ไม่ต้องบำรุงรักษาก็งอกงามดี
สรรพคุณทางยา เอาต้นโสนมาเผาไฟให้เกรียม แล้วเอามาต้มชงเอาน้ำดื่ม เป็นยาขับปัสสาวะ ดอกโสนนำมาผัดน้ำมันเล็กน้อย หรือเอามาลวกจิ้มน้ำพริกรับประทาน เป็นยาแก้ปวดมวนท้อง รายการอาหาร ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว แกงดอกโสน ดอกโสนผัดน้ำมันหอย ยำดอกโสน ขนมดอกโสน
สรรพคุณทางยา เอาต้นโสนมาเผาไฟให้เกรียม แล้วเอามาต้มชงเอาน้ำดื่ม เป็นยาขับปัสสาวะ ดอกโสนนำมาผัดน้ำมันเล็กน้อย หรือเอามาลวกจิ้มน้ำพริกรับประทาน เป็นยาแก้ปวดมวนท้อง รายการอาหาร ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว แกงดอกโสน ดอกโสนผัดน้ำมันหอย ยำดอกโสน ขนมดอกโสน
ดอกโสนผัดน้ำมันหอย เครื่องปรุง - ดอกโสน 2 ถ้วยตวง
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ - กระเทียม 3-4 กลีบ - น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ - เกลือ ½ ช้อนชา วิธีทำ เด็ดดอกโสนแล้วล้างให้สะอาด เอาน้ำมันใส่กระทะพอร้อนแล้วเจียวกระเทียมก่อน ใส่ดอกโสนลงผัด โรยเกลือ ผัดจนสุก ใส่น้ำมันหอยแล้วยกลง |
ดอกโสนจิ้มน้ำพริกมะนาว เครื่องปรุงน้ำพริกมะนาว - มะนาว 1 ลูก - กุ้งแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ - ปลาย่างกรอบ 2 ช้อนโต๊ะ - กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ - พริกขี้หนูสวน 20 เม็ด - น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ - กระเทียม 5 กลีบ วิธีทำ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ ห่อใบตองปิ้งให้หอม หรือทอดน้ำมัน ใส่ครก ใส่กระเทียม โขลกให้เข้ากัน ใส่กุ้งแห้ง โขลกให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูบุบพอแตก ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล โขลกคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าต้องการเหลวเติมน้ำต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยสำหรับเป็นน้ำพริกจิ้ม นำดอกโสนเด็ดก้านออก ½ ก.ก. ล้างน้ำให้สะอาด ใส่ในน้ำร้อนต้มพอสุก ตักใส่ชาม นำกะทิข้นใส่หม้อ ประมาณ 1 ถ้วยตวง ต้มให้เดือดเทราดหน้าลงในชามดอกโสนต้ม รับประทานกับน้ำพริกมะนาวแนมด้วย ปลาทูทอด ปลาดุกย่าง ปลาช่อนย่าง |
แกงดอกโสน เครื่องปรุง - ปลาช่อน 1 ตัว (1/2 ก.ก.)
- สละ 5 ผล - ดอกโสน 2 ถ้วยตวง - กุ้งชีแฮ้ 6 ตัว - น้ำมันหมู 1 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมทุบแล้วสับ 1 ช้อนโต๊ะ - เนื้อหมูหั่นชิ้นเล็กๆ ½ ถ้วยตวง - น้ำซุป 2 ถ้วยตวง - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - พริกสดหั่นแฉลบ 1 ช้อนโต๊ะ - ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ - พริกไทย 10 เม็ด วิธีทำ แกะเปลือกกุ้ง ผ่าหลังเอาเส้นดำออก ล้างน้ำ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปลาช่อนขอดเกล็ดผ่าหัว ผ่าท้องควักไส้ออก ล้างน้ำตัดเป็นท่อนๆ เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เวลาแกง ใส่น้ำมันหมูในกระทะพอร้อน ใส่กระเทียมทุบแล้วสับเจียวให้เหลืองตักขึ้น ใส่หมู กุ้ง ปลาช่อน ผัดพอสุก ใส่ดอกโสน ลูกสละ ใส่น้ำซุป พอน้ำแกงเดือด ใส่น้ำปลา ใส่พริกแดงหั่นแฉลบ ผักชีหั่น โรยพริกไทย |
ยำดอกโสน เครื่องปรุง - ดอกโสนลวกพอสุก 2 ถ้วยตวง
- กุ้งนาง 2 ตัว - หมูเนื้อแดงอมมัน ½ ถ้วยตวง - กระเทียมซอยเจียว 1 ช้อนโต๊ะ - พริกขี้หนูหั่น ½ ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา วิธีทำ จัดดอกโสนลวกใส่จาน โรยหมูเนื้อแดงต้มสุกหั่นเป็นชิ้นยาวๆ กุ้งเผาหั่นเป็นชิ้นๆ เวลารับประทานราดน้ำปรุงรส น้ำปรุงรส น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล พริกขี้หนู คนให้เข้ากัน ราดบนจาน โรยกระเทียมเจียว |
ขนมดอกโสน เครื่องปรุง แป้งข้าวจ้าว 5 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง มะพร้าวทึนทึกขูด 1ก.ก. งาขาวคั่ว 1 ถ้วยตวง เกลือป่น 2 ช้อนชา ดอกโสนเด็ดเป็นดอกๆ 5 ถ้วยตวง วิธีทำ ผสมเกลือกับแป้ง ดอกโสนพรมน้ำก่อนจึงเอามาคลุกกับแป้ง ขณะคลุกพรมน้ำจนแป้งจับกับดอกโสน นำลังถึงใส่น้ำตั้งไฟจนเดือด ปูผ้าขาวบางชุบน้ำบิดพอหมาด ลงในลังถึง พอน้ำเดือดโรยดอกโสนที่คลุกกับแป้งจนหมดที่ทำไว้ ปิดฝานึ่งประมาณ 20 นาที นำมะพร้าวขูดฝอย นึ่งให้ร้อน แบ่งมาครึ่งหนึ่งผสมงาคั่ว เกลือป่น น้ำตาลทราย อีกครึ่งหนึ่งนำมาผสมคลุกเคล้ากับขนมที่นึ่งสุก เวลารับประทานก็ตักขนมใส่ถ้วยโรยด้วยน้ำตาลทราย งาคั่วคลุกกับมะพร้าวขูด หรือนำเอาขนมที่นึ่งสุกแล้วตักใส่ถ้วยรับประทานกับน้ำตาล มะพร้าวใส่น้ำเคี่ยวพอเป็นยางมะตูม จะได้รสชาดอีกแบบหนึ่ง |
ดอกขี้เหล็ก
ลำปางเรียก ขี้เหล็กบ้าน แม่ฮ่องสอนเรียก ผักจี้ลี้ ภาคเหนือเรียก ขี้เหล็กหลวง ภาคกลางเรียก ขี้เหล็กใหญ่ ภาคใต้เรียก ขี้เหล็กจิหรี่
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีใบประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 6–10 คู่ ใบเลี้ยงปลายใบมนหยักเว้าหาเส้นกลางใบเล็กน้อย โคนใบกลม สีเขียวใต้ใบซีดกว่าด้านบน ใบมีขนเล็กน้อย ดอกเป็นดอกช่อใหญ่ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองสด ผักแบนหนามีสีน้ำตาลเข้ม
สรรพคุณทางยา ดอกตูมและใบอ่อน รสขม ช่วยระบายท้อง ดอกตูมทำให้นอนหลับ เจริญอาหาร
วิธีนำมาใช้ อาการท้องผูก ใช้ใบอ่อนและใบแก่ 4–5 กำมือ ต้มเอาน้ำดื่มก่อนอาหาร หรือเวลามีอาการนอนไม่หลับ กังวลเบื่ออาหาร ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใช้ใบสด หนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำรับประทานก่อนนอน หรือใช้ใบอ่อนทำเป็นยาดอกเหล้า โดยใส่เหล้าขาวพอท่วมยา แช่ไว้ 7 วัน เปิดคนทุกวัน แล้วกรองกากยาออกจะได้น้ำยาดองเหล้าขี้เหล็ก ดื่มครั้งละ 1–2 ช้อนชาก่อนนอน
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีใบประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 6–10 คู่ ใบเลี้ยงปลายใบมนหยักเว้าหาเส้นกลางใบเล็กน้อย โคนใบกลม สีเขียวใต้ใบซีดกว่าด้านบน ใบมีขนเล็กน้อย ดอกเป็นดอกช่อใหญ่ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองสด ผักแบนหนามีสีน้ำตาลเข้ม
สรรพคุณทางยา ดอกตูมและใบอ่อน รสขม ช่วยระบายท้อง ดอกตูมทำให้นอนหลับ เจริญอาหาร
วิธีนำมาใช้ อาการท้องผูก ใช้ใบอ่อนและใบแก่ 4–5 กำมือ ต้มเอาน้ำดื่มก่อนอาหาร หรือเวลามีอาการนอนไม่หลับ กังวลเบื่ออาหาร ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใช้ใบสด หนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำรับประทานก่อนนอน หรือใช้ใบอ่อนทำเป็นยาดอกเหล้า โดยใส่เหล้าขาวพอท่วมยา แช่ไว้ 7 วัน เปิดคนทุกวัน แล้วกรองกากยาออกจะได้น้ำยาดองเหล้าขี้เหล็ก ดื่มครั้งละ 1–2 ช้อนชาก่อนนอน
แกงดอกขี้เหล็ก เครื่องปรุง - ดอกขี้เหล็กต้ม 2 ถ้วยตวง
- เนื้อวัวสันใน 2 ถ้วยตวง - ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - หัวกะทิ ½ ถ้วยตวง - กะทิข้น 2½ ถ้วยตวง เครื่องปรุงน้ำพริก - พริกแห้ง 5 เม็ด - หอมหัวแดงหั่น 3 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมหั่น 2 ช้อนโต๊ะ - ข่าหั่น 1 ช้อนชา - ตะไคร้หั่น 1 ช้อนโต๊ะ - กระชายหั่น 3 ช้อนโต๊ะ - พริกไทย 15 เม็ด - เกลือป่น 1 ช้อนชา - กะปิ 1 ช้อนชา วิธีทำ ดอกขี้เหล็กตูม รูดออกจากก้าน ต้องเปลี่ยนน้ำ 2 ครั้งจนหายขม เนื้อวัวทุบแล้วย่างให้สุก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ โขลกรวมกับเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด ใส่กระชายโขลกทีหลัง เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็น เคี่ยวกะทิข้นให้แตกมัน ใส่น้ำพริกลงละลายพอน้ำแกงเดือดใส่ดอกขี้เหล็กที่ต้ม ใส่เนื้อย่าง เคี่ยวให้เข้าเนื้อ ใส่น้ำปลา พอเดือดใส่หัวกะทิ ทำให้น้ำแกงข้น แล้วยกลงเสิร์ฟ |
ดอกสะเดา
สะเดา เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขึ้นได้ในป่า หรือปลูกไว้ตามบ้าน เปลือกของต้นมีสีน้ำตาลเทาหรือเทาปนดำ แตกระแหงเป็นร่องเล็กๆ ใบเป็นช่อแบบขนนก ใบย่อยรูปใบหอก ขอบใบหยักใบออกเรียงกัน ตรงปลายกิ่งสะเดา จะผลิใบใหม่ พร้อมผลิดอกออกเป็นช่อสีขาว ทุกส่วนของสะเดามีรสขม นำยอดอ่อนและดอกสะเดาลวกน้ำร้อน 2 ครั้ง เพื่อให้หายขม รับประทานเป็นอาหารประจำครอบครัวในช่วงฤดูหนาว เพราะดอกสะเดาจะออกช่อในฤดูหนาว ปัจจุบันเราสามารถรับประทานสะเดาได้ตลอดทั้งปี โดยใช้ยอดอ่อนรับประทานแทนดอกรสชาดอร่อยพอกัน
การปลูก สะเดาเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ทนความร้อนได้ดี ปลูกได้ดีในดินทุกประเภท ต้องการน้ำและความชื้นน้อย ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา ทุกส่วนของสะเดาสามารถนำมาทำเป็นยาได้ เช่น ใบสะเดานำมาตำทำเป็นยาพอกฝี ดอกใช้แก้พิษเลือดกำเดา ผลใช้บำบัดอาการโรคหัวใจเต้นผิดปกติ รากช่วยแก้เสมหะ เปลือกรากรักษาไข้ตัวร้อน นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืชได้อีกด้วย
การปลูก สะเดาเป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ทนความร้อนได้ดี ปลูกได้ดีในดินทุกประเภท ต้องการน้ำและความชื้นน้อย ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง
สรรพคุณทางยา ทุกส่วนของสะเดาสามารถนำมาทำเป็นยาได้ เช่น ใบสะเดานำมาตำทำเป็นยาพอกฝี ดอกใช้แก้พิษเลือดกำเดา ผลใช้บำบัดอาการโรคหัวใจเต้นผิดปกติ รากช่วยแก้เสมหะ เปลือกรากรักษาไข้ตัวร้อน นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมกำจัดแมลงที่เป็นศัตรูพืชได้อีกด้วย
สะเดาน้ำปลาหวาน เครื่องปรุง - น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ - น้ำส้มมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ - ปลากรอบป่นหรือกุ้งแห้งป่น ½ ถ้วยตวง - หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - พริกขี้หนูทอดกรอบ 10 เม็ด - ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำน้ำปลา น้ำตาล น้ำส้มมะขามเปียก เคี่ยวจนข้น ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น ใส่หอมเจียว กระเทียมเจียว ปลากรอบป่น หรือกุ้งแห้งป่น คนให้เข้ากัน พริกขี้หนูทอดกรอบ หักเป็นชิ้นๆ ใส่ผักชีซอย รับประทานกับสะเดาลวกน้ำร้อน กุ้งเผาหรือปลาดุกเผา |
ยำดอกสะเดา เครื่องปรุง - ช่อดอกสะเดา 2 ถ้วยตวง
- หมูเนื้อแดงอมมัน 1 ถ้วยตวง - กุ้งนาง ½ ถ้วยตวง - ปลาหมึกลวกสุก ½ ถ้วยตวง - หอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ - พริกขี้หนูแห้งทอด 10 เม็ด วิธีทำ นำดอกสะเดาลวกรูดเอาเฉพาะดอกลวกน้ำร้อนแล้ว 2 ครั้ง ใส่หมูต้มสุกหั่นเป็นชิ้นบางๆ กุ้งเผาปลอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นบางๆ ปลาหมึกลวก ใส่น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คลุกให้เข้ากัน จัดใส่จาน โรยหอมเจียว พริกแห้งทอด ชิมรส เปรี้ยว เค็ม หวาน ตามชอบ |
ดอกซ่อนกลิ่น
ซ่อนกลิ่น เป็นไม้หัวที่มีอายุยืน แตกหัวเป็นกระจุก มีช่อดอกสีขาวยาว 50–120 เซนติเมตร มีช่อย่อย 20–30 ช่อ แต่ละช่อมีดอกย่อย 2–3 ดอก แต่ละช่อดอกจึงมีดอกย่อย 40–90 ดอก มีพันธุ์ดอกลา ซึ่งมีกลีบชั้นเดียว และพันธุ์ดอกซ้อนดอกย่อยมีความยาว 3–5 เซนติเมตร ทยอยบานตั้งแต่โคนช่อไปที่ปลายช่อ กว่าจะบานหมดทั้งช่อใช้เวลา 5–7 วัน ดอกมีกลิ่นหอมแรง เริ่มหอมตั้งแต่พลบค่ำ และหอมมากในช่วงกลางคืน
การปลูก ซ่อนกลิ่นขึ้นได้ดีในดินร่วนโปร่งหรือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี มีอินทรีย์วัตถุมาก ชอบแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งกอและการแบ่งหัว
การปลูก ซ่อนกลิ่นขึ้นได้ดีในดินร่วนโปร่งหรือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี มีอินทรีย์วัตถุมาก ชอบแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน ขยายพันธุ์ด้วยการแบ่งกอและการแบ่งหัว
หมูซ่อนกลิ่น เครื่องปรุง - ดอกซ่อนกลิ่น 2 ขีด
- หมูเนื้อแดงหั่น ½ ถ้วยตวง - กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ - แป้งมันละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ - พริกไทยป่น ½ ช้อนชา - ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำซุป ½ ถ้วยตวง - น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง พอกระทะร้อนใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมผัดพอเหลือง ใส่หมู ใส่ดอกซ่อนกลิ่น ใส่น้ำซุป น้ำมันหอย พริกไทย ซีอิ๊วขาว เร่งไฟแรง ใส่แป้งมันละลายน้ำ พอน้ำข้น ตักใส่จาน รับประทานได้ |
แกงจืดดอกซ่อนกลิ่น เครื่องปรุง - ดอกซ่อนกลิ่น 1 ถ้วยตวง
- หมูเนื้อแดงปนมันสับ ½ ถ้วยตวง - เห็ดหอม (แช่น้ำผ่าครึ่ง) 3 ดอก - ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำซุป 5 ถ้วยตวง - ต้นหอมผักชี 1 ช้อนโต๊ะ - พริกไทยป่น ½ ช้อนชา วิธีทำ เด็ดดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกๆ ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟใช้ไฟกลาง พอเดือดใส่หมูสับปั้นเป็นก้อนๆ ใส่ดอกซ่อนกลิ่น ใส่เห็ดหอม ซีอิ๊วขาว พอสุกโรยผักชีต้นหอม ยกลง ตักใส่ถ้วย รับประทานได้ |
ดอกพยอม
ต้นพยอม เป็นไม้ยืนต้นโบราณ สูงขนาด 15–30 เมตร ทรงพุ่มกลม เปลือกสีเทาเข้ม แตกเป็นร่องตามยาว แตกกิ่งจำนวนมาก เป็นใบเดี่ยวเรียงเรียบสลับ ออกดอกช่อใหญ่สีขาว มีกลิ่นหอม ออกตามกิ่งและที่ปลายกิ่ง มีดอกย่อยจำนวนมาก กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบโคนเชื่อมติดกัน เมื่อดอกย่อยบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 ซม. ออกดอกพร้อมกันทั้งต้น ในช่วงเดือน ธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์
การปลูก พะยอมเป็นไม้ที่ชอบดินทรายหรือดินที่ระบายน้ำดี เมื่อปลูกในดินเหนียวและแฉะพบว่าออกดอกน้อยมาก ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
การปลูก พะยอมเป็นไม้ที่ชอบดินทรายหรือดินที่ระบายน้ำดี เมื่อปลูกในดินเหนียวและแฉะพบว่าออกดอกน้อยมาก ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
แกงดอกพยอม เครื่องปรุง - ปลาแห้ง (ฉีกเป็นชิ้นๆ) ½ ถ้วยตวง
- ปลาสลิดแห้ง 1 ถ้วยตวง - หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นๆ 1 ถ้วยตวง - น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ - ดอกพยอม 3 ถ้วยตวง - มะกรูด 1 ลูก - น้ำ 3 ถ้วยตวง เครื่องปรุงน้ำพริก - พริกแห้ง 5 เม็ด - พริกขี้หนูแห้ง 5 เม็ด - หอมหัวแดงหั่น 2 ช้อนโต๊ะ - กระเทียมหั่น 2 ช้อนโต๊ะ - กะปิ 1 ช้อนชา - เกลือ 1 ช้อนชา - ข่าหั่น 1 ช้อนชา - เนื้อปลาย่าง 1 ถ้วยตวง วิธีทำ นำเครื่องน้ำพริกทั้งหมดโขลกให้ละเอียด ละลายน้ำพริกกับน้ำใส่ลงหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดใส่ปลาแห้ง ใส่ปลาสลิดแห้งแกะก้างออกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม เนื้อปลากรอบ หมูสามชั้น ใส่น้ำส้มมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล ใส่ดอกพยอมรูดเอาทั้งดอกบานและตูม ใส่มะกรูดปอกผิวออก ผ่าครึ่งใส่ลงในหม้อ ชิมรสเปรี้ยว เค็ม หวาน ให้ได้สามรส พอดอกพยอมสุก ยกลง ตักใส่ถ้วยรับประทานได้ |
พล่าดอกพยอม เครื่องปรุง ดอกพยอม 2 ถ้วยตวง กุ้งนางเผาเอาแต่เนื้อ ½ ถ้วยตวง หมูเนื้อแดง (ต้มหั่นเป็นชิ้น) ½ ถ้วยตวง หนังหมู (ต้มหั่นเป็นชิ้นบางๆ) ½ ถ้วยตวง กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้า 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย ½ ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ลวกดอกพยอม ใส่จาน ใส่กุ้งเผา หมูเนื้อแดงต้ม หนังหมู ใส่พริกชี้ฟ้า (ผ่าเอาเม็ดออกซอยเป็นชิ้นยาวๆ) พริกขี้หนู ราดด้วยน้ำปรุงรส น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย คลุกให้เข้ากัน โรยกระเทียมเจียว โรยผักชี |
ดอกโศก
ต้นโศกเป็นต้นไม้ที่อยู่ในป่า เป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุยืน นิยมปลูกตามวัด ดอกโศกมีสีแดงอมเหลือง เมื่อบานเต็มที่จะเป็นสีแดง ดอกและยอดอ่อนนำมาทำเป็นอาหารรับประทานเป็นผักอย่างหนึ่งได้ โศกไม่นิยมปลูกตามบ้าน เนื่องจากเป็นความเชื่อว่า ชื่อไม่เป็นสิริมงคล เชื่อกันว่าถ้าปลูกต้นโศกจะทำให้คนในบ้านมีแต่เรื่องเศร้าโศก
พล่าดอกโศก เครื่องปรุง - ดอกโศก 2 ถ้วยตวง
- กุ้งเผา ½ ถ้วยตวง - หมูต้มสุกหั่นชิ้นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง - หนังหมูหั่นบางๆ ½ ถ้วยตวง - กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - หอมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ - ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ - พริกขี้หนูทุบพอแตก 20 เม็ด - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำดอกโศกลวกน้ำร้อนพอสุก ใส่ชาม ใส่กุ้งเผาหั่นเป็นชิ้นๆ หมูต้มหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หนังหมูต้มสุกหั่นเป็นชิ้นบางๆ ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยกระเทียมเจียว หอมเจียว โรยผักชี พริกขี้หนู ชิมรส เปรี้ยว เค็ม หวาน |
ดอกโศกน้ำพริกก้อย เครื่องปรุง - หัวกะทิ ½ ถ้วยตวง - กุ้งสดสับละเอียด ½ ถ้วยตวง - ถั่วลิสงคั่วโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ - มันกุ้ง 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ - เกลือป่น 1 ช้อนชา วิธีทำ ใส่หัวกะทิในหม้อพอเดือด ใส่กุ้งลงคนพอสุกยกลง ใส่มันกุ้ง น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาล มะนาว ถั่วลิสงคั่วที่โขลกละเอียด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เปรี้ยว เค็ม หวาน สำหรับจิ้มผักสด มีใบสะระแหน่ แตงกวา หัวปลี ผักชี และดอกโศก |
แกงส้มดอกโศก เครื่องปรุง - กุ้งชีแฮ้ 1 ถ้วยตวง
- น้ำ 8 ถ้วยตวง
- ดอกโศก (เด็ดเป็นชิ้นๆ) 2 ถ้วยตวง
- น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้ม - พริกแห้ง 5 เม็ด
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- กะปิ 2 ช้อนชา
- หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ นำเครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้มโขลกรวมกันให้ละเอียด ใส่น้ำในหม้อ ตักน้ำพริกแกงส้มละลายในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำแกงเดือดใส่ดอกโศก พอดอกโศกสุกใส่กุ้ง (ปอกเปลือกผ่าหลังชักเส้นดำออก) ใส่น้ำส้มมะขามเปียก ใส่น้ำปลา น้ำตาล ชิมรส ออกเปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย ยกขึ้น ตักรับประทานได้ ถ้าต้องการรสเผ็ดจัด ใช้พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ดแทนพริกแห้ง
- น้ำ 8 ถ้วยตวง
- ดอกโศก (เด็ดเป็นชิ้นๆ) 2 ถ้วยตวง
- น้ำส้มมะขามเปียก ½ ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้ม - พริกแห้ง 5 เม็ด
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- กะปิ 2 ช้อนชา
- หอมแดงหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- กระชายหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ นำเครื่องปรุงน้ำพริกแกงส้มโขลกรวมกันให้ละเอียด ใส่น้ำในหม้อ ตักน้ำพริกแกงส้มละลายในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟ พอน้ำแกงเดือดใส่ดอกโศก พอดอกโศกสุกใส่กุ้ง (ปอกเปลือกผ่าหลังชักเส้นดำออก) ใส่น้ำส้มมะขามเปียก ใส่น้ำปลา น้ำตาล ชิมรส ออกเปรี้ยว เค็ม หวานเล็กน้อย ยกขึ้น ตักรับประทานได้ ถ้าต้องการรสเผ็ดจัด ใช้พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ดแทนพริกแห้ง
ดอกกระเจี๊ยบ
ภาคเหนือเรียก ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง เงี้ยว แม่ฮ่องสอนเรียก ส้มปู จังหวัดตากเรียก ส้มตะแลงเครง ภาคกลางเรียก กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ทั่วไปเรียก กระเจี๊ยบแดง
ลักษณะทั่วไป กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน
การปลูก ใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด
สรรพคุณทางยา รสเปรี้ยวของดอกกระเจี๊ยบทำให้ชุ่มคอ ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ นำกลีบเลี้ยงและกลีบรองมาตากแห้ง บดเป็นผงละเอียด ชงกับน้ำร้อนครั้งละ 1 ช้อนชา ดื่ม 3 เวลา เช้า กลางวันและเย็น แก้อาการขัดเบา เป็นยากัดเสมหะ นอกจากนี้ยังสามารถลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 3–6 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมีสีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน
การปลูก ใช้เมล็ดปลูก ควรปลูกในหน้าฝน พรวนดินก่อนปลูก ขุดหลุมปลูกหลุมละ 2-3 เมล็ด ระยะห่างของหลุมประมาณ ½-1 เมตร พอต้นอ่อนงอกออกมาแล้ว ให้ถอนต้นที่อ่อนแอกว่าออกไปเอาต้นที่แข็งแรงไว้ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวนดิน กำจัดวัชพืชออกให้หมด
สรรพคุณทางยา รสเปรี้ยวของดอกกระเจี๊ยบทำให้ชุ่มคอ ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นลำไส้ นำกลีบเลี้ยงและกลีบรองมาตากแห้ง บดเป็นผงละเอียด ชงกับน้ำร้อนครั้งละ 1 ช้อนชา ดื่ม 3 เวลา เช้า กลางวันและเย็น แก้อาการขัดเบา เป็นยากัดเสมหะ นอกจากนี้ยังสามารถลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
แกงส้มดอกกระเจี๊ยบ เครื่องปรุง - กุ้งนาง ½ ก.ก.
- ดอกกระเจี๊ยบแดง 10 ดอก - น้ำส้มมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา - น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง เครื่องปรุงน้ำพริก - พริกแห้ง 5 เม็ด - พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด - หัวหอมแดง 3 หัว - กระเทียม 6 กลีบ - เกลือป่น 1 ช้อนชา - กะปิ 1 ช้อนชา วิธีทำ นำมากุ้งผ่าหลังเอาเส้นดำออก นำดอกกระเจี๊ยบมาแกะกลีบหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำเครื่องน้ำพริกแกงส้มโขลกให้ละเอียด ใส่กุ้ง 2 ตัวโขลกให้เข้ากัน ใส่น้ำ 3 ถ้วยตวงในหม้อ นำน้ำพริกที่โขลกแล้วละลาย ขึ้นตั้งไฟพอเดือดใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล ชิมให้รสเปรี้ยว เค็ม หวาน รสเปรี้ยวอ่อนๆ เพราะดอกกระเจี๊ยบมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว ใส่ดอกกระเจี๊ยบ ใส่กุ้งสดที่เหลือต้นจนสุก ยกลงรับประทานได้ |
ยำดอกกระเจี๊ยบ เครื่องปรุง - กลีบดอกกระเจี๊ยบ 2 ถ้วยตวง
- กุ้งสด ½ ถ้วยตวง - หอมหัวใหญ่ซอย ½ ถ้วยตวง - กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ - พริกเหลือหั่นขวาง 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ - น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ - ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ - น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ใส่กุ้ง (ปอกเปลือกลวกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ) น้ำปลา มะนาว หอมหัวใหญ่ กระเทียมซอย พริกเหลือง กลีบกระเจี๊ยบ (ซอยละเอียด) ลวกพอสุก คลุกให้เข้ากัน จัดใส่จานโรยผักชี น้ำกระเจี๊ยบแดง เครื่องปรุง - ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 1 ถ้วยตวง - น้ำ 6 ถ้วยตวง - น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง - เกลือป่น ½ ช้อนชา วิธีทำ ดอกกระเจี๊ยบแดงสด ล้างน้ำให้สะอาด ตัดเอาแต่รอบนอก กลีบสีแดงส่วนกลางแข็งไม่ใช้ หั่นใส่ถ้วย 1 ถ้วยตวง ใส่น้ำ 6 ถ้วยตวง ลงในหม้อ ตั้งไฟต้มให้เดือดจนกระเจี๊ยบเปื่อย จึงกรองด้วยผ้าขาวบางเอากากออกใส่น้ำตาล เกลือ ต้มแล้วจะเหลือประมาณ 5 ถ้วยตวง ตักใส่แก้ว ใส่น้ำแข็งทุบ ดื่มเป็นเครื่องดื่ม หรือแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม |
ดอกกระเจี๊ยบแช่อิ่ม เครื่องปรุง - ดอกกระเจี๊ยบแดงสด 20 ดอก
- น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง - เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ - น้ำ 2 ถ้วยตวง - น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง วิธีทำ นำกระเจี๊ยบแช่ในน้ำปูนใส ใส่เกลือแช่ไว้ 1 คืน แล้วนำมาแช่น้ำเปล่า 1 คืน ให้คืนความเค็มสงขึ้นจากน้ำ เคี่ยวน้ำตาลกับน้ำให้เป็นน้ำเชื่อมแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ใส่กระเจี๊ยบลงแช่ค้างคืน สงขึ้นตากแดด แล้วนำน้ำเชื่อมไปอุ่น แล้วจึงแช่กระเจี๊ยบในน้ำเชื่อม ทำประมาณ 4 วัน จนกระเจี๊ยบใสกรอบ จึงนำมารับประทานได้ |
แยมดอกกระเจี๊ยบ เครื่องปรุง - ดอกกระเจี๊ยบสด ½ ก.ก.
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ ฉีกดอกกระเจี๊ยบเป็นกลีบๆ แกะเอาเมล็ดออก นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสดมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ 2 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ใส่หม้อเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น ใส่ขวดที่ล้างด้วยน้ำร้อน คว่ำจนแห้ง ใส่แยมกระเจี๊ยบเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับทาขนมปังรับประทาน
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำ 2 ถ้วยตวง
วิธีทำ ฉีกดอกกระเจี๊ยบเป็นกลีบๆ แกะเอาเมล็ดออก นำกลีบดอกกระเจี๊ยบสดมาต้มกับน้ำ แล้วกรองเอาแต่น้ำ 2 ถ้วยตวง ผสมกับน้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ใส่หม้อเคี่ยวจนเหนียวเป็นวุ้น ใส่ขวดที่ล้างด้วยน้ำร้อน คว่ำจนแห้ง ใส่แยมกระเจี๊ยบเก็บไว้ในตู้เย็น สำหรับทาขนมปังรับประทาน
ขอบคุณข้อมูล:panmai.com